|

Immune Rejuvenating ฉีดสเต็มเซลล์ ( Stem Cell ) ยกกระชับผิวหน้าชะลอวัยผิวพรรณสดใส

สเต็มเซลล์ เชื่อว่าหลายๆ ท่านต้องเคยได้ยินบ่อยๆ แต่รู้ไหมคะ ว่าจริงๆ แล้ว Stem Cell นี้คืออะไร และมีความสำคัญอย่างไร

วันนี้ แอดมิน มีเราจะมาทำความเข้าใจ และรู้จักกับสเต็มเซลล์ให้มากขึ้น ซึ่งก็ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสเต็มเซลล์มาบอกต่อกันดังนี้

สเต็มเซลล์ ( Stem cell ) คืออะไร ?

สเต็มเซลล์ หรือเรียกอีกชื่อหนึ่ง คือ เซลล์ต้นกำเนิด โดยเซลล์ชนิดนี้จะมีอยู่แทบทุกส่วนในร่างกายของคนเรา ซึ่งมีความสามารถในแบ่งตัวเองได้อย่างไม่จำกัด เพื่อเข้าไปทดแทนเซลล์ต่างๆ ในร่างกายที่เกิดการเสื่อมสภาพลงไป ทำให้ร่างกายของฟื้นฟู หรือเจริญเติบโตขึ้น นั่นเองค่ะ 

สเต็มเซลล์ ( Stem cell ) กับวงการความงาม

สเต็มเซลล์ที่นำมาใช้ เสริมสร้างความงาม และเสริมสร้างความอ่อนเยาว์ มิเซนไคยมอล สเต็มเซลล์ (Mesenchymal stem cells – MSC) ซึ่งจะใช้ฉีดเข้าสู่ร่างกายโดยตรงค่ะ 

Mesenchymal Stem Cells (MSC) คืออะไร ?

         MSC เป็นเซลล์ต้นกำเนิดที่มี คุณสมบัติพิเศษในการเปลี่ยนแปลงตัวเองไปเป็นเซลล์ต่างๆ ในร่างกายดี นอกจากนี้ยังสามารถนำไปใช้กับผู้อื่นได้โดยไม่เกิดการต่อต้านของเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกันของผู้รับนั่นเองค่ะ

ทำไม Mesenchymal Stem Cells (MSC) ถึงช่วยในด้านเสริมความงาม

เนื่องจาก Mesenchymal Stem Cells (MSC) นั้น นอกจากจะช่วยสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาทดแทน เซลล์เดิมที่เสื่อมสภาพลงไปแล้ว ยังมีคุณสมบัติในการสร้าง Connective Tissue ที่มีส่วนในการช่วยสร้างเส้นใยคอลลาเจน อีลาสติน รวมถึงการสร้างหลอดเลือด และเนื้อเยื่อไขมัน ทำให้การไหลเวียนเลือดเข้าสู่ผิวดีขึ้น ส่งผลให้ ผิวมีความยืดหยุ่น มีน้ำมีนวล เปล่งประกาย ไปด้วยนั่นเอง

ซึ่งสเต็มเซลล์ที่นำมาใช้ในการรักษานั้น จะเป็นสเต็มเซลล์ที่มาจากสายสะดือค่ะ แต่เนื่องจากปริมาณที่ได้จากสายสะดือมีปริมาณน้อย ซึ่งเมื่อเทียบกับปริมาณที่ใช้รักษา ( อย่างน้อย 1 ล้านเซลล์  ต่อครั้งนั้น ) ต่างกันมากๆ ค่ะ 

จึงเป็นเหตุผลเกิดการเพาะเลี้ยง สเต็มเซลล์ขึ้นมานั่นเอง โดยการเพาะเลี้ยงนั้น ทางห้อง Lab จะนำ Stem Cell ที่เก็บได้จาก สายสะดือ เข้าสู่กระบวนเพาะเลี้ยงเพื่อเพิ่มจำนวนค่ะ ทุกครั้งที่ทำการขยายจำนวน ความเข้มข้นของตัว สเต็มเซลล์ ก็จะลดลงตามด้วย

ซึ่งในตรงส่วนนี้เอง คือที่มาของ Passage Cell (คุณภาพของเซลล์) ที่ใช้โดยจะระบุไว้ในรูปแบบของ ตัว P ที่มีตัวเลขกำกับ นั้นเองค่ะ โดยตัวเลขกำกับนั้น หมายถึง จำนวนรอบของการเพาะเลี้ยงค่ะ 

ยิ่งตัวเลขน้อย หมายถึง สเต็มเซลล์ ที่นำมาใช้มีความเข้มข้นสูง และมีคุณภาพดีด้วยนั่นเอง

การฉีดสเต็มเซลล์ ( Immune Rejuvenating Treatment ) แพทย์ จะทำการวิเคราะห์ปัญหาของผิวคนไข้ เพื่อกำหนดปริมานที่เซลล์สำหรับใช้ในการ (หน่วย : ล้านเซลล์) * ปริมาณที่ใช้จะต่างกันค่ะ โดยจะขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล 

      ผลของ Stem Cell จะเข้าไปฟื้นฟูผิวลงลึกถึงระดับเซลล์ (Cellular Level) ทำให้ผิวแข็งแรง ทำให้ตอบสนองต่อการรักษาต่างๆ ได้ดีขึ้น

  •  เพื่อชะลออายุผิว ผิวจึงดูอ่อนเยาว์
  •  ฟื้นฟูผิว ริ้วรอยตื้นๆ จางลง
  •  คืนความชุ่มชื้น
  •  คืนความกระชับ และความเต่งตึงให้กับผิว
  •  เห็นผลภายใน 2-3 เดือน
  •  ใช้เวลา 30 นาที
  •  ควรรับบริการทุกๆ 6 เดือน – 1 ปี
  •  ในคนไข้บางรายพบว่า สามารถทำให้ฝ้าจางลงได้อีกด้วย

ผลลัพธ์ และ ตำแหน่งในการฉีดสเต็มเซลล์ 

1.ฉีดเข้าผิวหน้า

เพื่อลดริ้วรอย ร่องลึกต่างๆ ช่วยให้ผิวหน้าเต่งตึงเรียบเนียน รูขุมขนกระชับ ผิวกระจ่างใส เปล่งปลั่งมีออร่าอย่างเห็นได้ชัด เช่น หน้า คอ ร่องแก้มร่องใต้ตา หน้าผาก แก้ม เป็นต้น

ปริมาณเซลล์ ที่ใช้เริ่มต้น 5 ล้านเซลล์  

* ขึ้นอยู่กับสภาพผิวหน้าและการประเมินของแพทย์

2.ฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำ

เพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างเซลล์ผิวพรรณให้กระชับ เต่งตึงปรับสมดุลผิวเพื่อความขาวกระจ่างใส เปล่งเปลั่ง แข็งแรงอ่อนเยาว์ มีน้ำมีนวล ลบริ้วรอย ผิวพรรณเรียบเนียนทั่วเรือนร่าง และยังสามารถป้องกันผื่นแพ้ต่างๆ

คำแนะนำหลังการ Immune Rejuvenating Treatment (สเต็มเซลล์)

1. งดใช้ครีมบำรุง ครีมกันแดด และเครื่องสำอางทุกชนิด ในบริเวณที่ฉีด อย่างน้อย 1 วัน

2. งดทำเลเซอร์ ทรีทเมนท์ รวมถึงการอบซาวน่า อย่างน้อย 2 สัปดาห์

3. ควรประคบเย็น 24 ชั่วโมงแรก เพื่อลดอาการบวม และอาการเขียวช้ำหลังการฉีด

4. หลีกเลี่ยงการสัมผัส กับแสงแดดโดยตรงเป็นเวลานานๆ

5. อาจจะเกิดอาการบวม หรือมีรอยเขียวช้ำหลังการฉีด ในช่วงสัปดาห์แรก โดยอาการดังกล่าวนี้จะดีขึ้นเอง ภายใน 1 – 2 สัปดาห์ค่ะ

ฉีดสเต็มเซลล์ที่ไหนดี สเต็มเซลล์แต่ละชนิดแตกต่างอย่างไร ควรเลือกแบบไหนดี ?

1. เลือกใช้ Stem Cell จาก Lab ชั้นนำ ผ่านมาตรฐาน AABB (มาตรฐาน Lab Stem Cell USA) 

2.เลือกใช้เซลล์ กลุ่ม MSC Cell ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดตามวิจัย * คือ อยู่ใน Passage P0 – P3 ค่ะ ซึ่งเป็น Cell ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด มีความเข้มข้นสูง เนื่องจากผ่านกระบวนเพิ่มจำนวน ที่น้อยกว่า Cell ใน Passage อื่นๆ

( โดย Lab พาณิชย์ทั่วไปส่วนใหญ่จะใช้ เซลล์จาก P12 – 21 โดยเฉลี่ย ซึ่งมีความเจือจางกว่าหลายเท่าค่ะ )

3. มีใบรับรองคุณภาพ Stem Cell