|

ทุกอาการ ‘ปวดหัว’ มีความหมาย อย่าปล่อยผ่าน

ทุกอาการ ‘ปวดหัว’ มีความหมาย อย่าปล่อยผ่าน

อาการ “ปวดหัว” เป็นสิ่งที่หลายคนเจอจนชิน บางครั้งปวดแล้วก็ทนเอา กินยาแล้วก็หาย บางครั้งคิดว่าแค่เครียด เดี๋ยวพักผ่อนก็ดีขึ้น

แต่รู้หรือไม่ว่า… อาการปวดหัวที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ ไม่ได้เป็นเรื่องบังเอิญ และไม่ได้เกิดขึ้นโดยไม่มีเหตุผล ในความเป็นจริง ร่างกายกำลังสื่อสารกับเราอยู่ตลอดเวลา ผ่านสัญญาณเล็ก ๆ อย่างอาการปวด ตึง หนัก หรือเสียวแปล๊บที่ศีรษะ ซึ่งอาจบอกถึงความผิดปกติของกล้ามเนื้อ เส้นประสาท การไหลเวียนเลือด หรือแม้แต่ภาวะความเครียดที่สะสมลึกกว่าที่เราคิด

หลายคนมองว่า “ปวดหัว” เป็นเพียงอาการชั่วคราว แต่หากปล่อยผ่านโดยไม่เข้าใจต้นเหตุ อาการเล็ก ๆ นี้อาจค่อย ๆ พัฒนาเป็นอาการปวดเรื้อรัง นอนไม่หลับ สมาธิลดลง หรือกระทบต่อคุณภาพชีวิตในระยะยาว

บทความนี้จะพาคุณ ทำความเข้าใจความหมายของอาการปวดหัวแต่ละแบบ ไม่ว่าจะเป็นไมเกรน ปวดหัวจากความเครียด หรือปวดหัวแบบตึงตัวที่พบได้บ่อยในชีวิตประจำวัน เพื่อให้คุณ “รู้ทันร่างกาย” และดูแลตัวเองได้ตรงจุด ก่อนที่อาการปวดหัวจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ที่ไม่ควรมองข้าม เพราะบางครั้ง… การหยุดฟังสัญญาณจากร่างกายเพียงเล็กน้อย อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการฟื้นฟูสุขภาพที่ดีในระยะยาว


ภาพปก ปวดหัวไมเกรน (Migraine)

ปวดหัวไมเกรน (Migraine) ปวดตุบ ๆ ข้างเดียว ความเครียดกระตุ้นได้

ลักษณะของไมเกรนมักจะ “ปวดตุบ ๆ ข้างเดียวหรือสองข้าง” อาการรุนแรงขึ้นเมื่ออยู่ในที่มีแสงจ้า หรือเสียงดัง หลายคนมีอาการคลื่นไส้ เวียนหัว หรือไวต่อกลิ่นร่วมด้วย

สาเหตุหลัก

ไมเกรนเกิดจากความผิดปกติของการหดและขยายตัวของหลอดเลือดในสมอง ซึ่งสัมพันธ์กับ “ฮอร์โมนความเครียด” โดยตรง เมื่อร่างกายอยู่ในภาวะกังวล เครียด หรือพักผ่อนน้อย หลอดเลือดจะเกิดการเกร็งตัวผิดจังหวะ ทำให้เกิดอาการปวดหัวแบบเฉียบพลัน

เคล็ดลับลดไมเกรน

  • นอนให้เป็นเวลา
  • หลีกเลี่ยงแสงจ้า กลิ่นแรง
  • ฝึกหายใจลึก ๆ หรือทำสมาธิสั้น ๆ

ภาพปก ปวดหัวจากความเครียดเรื้อรัง

ปวดหัวจากความเครียดเรื้อรัง (Chronic Tension Headache)

อาการปวดหัวที่มักจะ ปวดตื้อ ๆ ตึง ๆ รอบศีรษะหรือท้ายทอย คล้ายมีอะไรรัดแน่นอยู่ที่หัว เกิดติดต่อกันนานกว่า 15 วันต่อเดือน

สาเหตุหลัก

มาจากกล้ามเนื้อบริเวณคอ ไหล่ และหนังศีรษะที่ตึงเกร็งจากความเครียด โดยเฉพาะคนที่ทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ นั่งนาน ไม่ขยับร่างกาย ความตึงนี้จะไปดึงรั้งเนื้อเยื่อและเส้นประสาท ทำให้ปวดสะสมมากขึ้นเรื่อย ๆ

ลักษณะเด่น

  • ปวดต่อเนื่อง ไม่ตุบแต่ตึง
  • บางครั้งปวดร่วมกับอาการเมื่อยคอ ไหล่ หลัง
  • มักดีขึ้นชั่วคราวเมื่อพัก แต่กลับมาอีก

🩵 หากปล่อยไว้นาน อาจกลายเป็นอาการเรื้อรังที่รบกวนทั้งการนอนและสมาธิได้


ภาพปก ปวดหัวแบบตึงตัว

ปวดหัวแบบตึงตัว (Tension Headache) — พบได้บ่อยที่สุด

เป็นอาการปวดหัวที่คนส่วนใหญ่มักเป็นบ่อยที่สุด ลักษณะคือ “ปวดตื้อ ๆ เหมือนมีอะไรบีบรัดศีรษะ” มักเกิดจากกล้ามเนื้อรอบคอ ไหล่ และหนังศีรษะที่ตึงตัวเกินไป

สาเหตุหลัก

  • นั่งท่าเดิมนาน ๆ (เช่น ก้มดูมือถือหรือจอคอม)
  • การใช้งานกล้ามเนื้อคอผิดท่า
  • ความเครียดสะสมโดยไม่รู้ตัว

สัญญาณเตือน

ถ้าอาการปวดหัวแบบนี้เกิดซ้ำหลายครั้งต่อสัปดาห์ และเริ่มมีอาการลามลงมาที่ต้นคอหรือบ่า นั่นหมายความว่า “กล้ามเนื้อเริ่มอักเสบและเกิดพังผืดสะสม” แล้ว


ลดความเครียดสำคัญที่สุด

ไม่ว่าคุณจะปวดหัวแบบไหน “ลดความเครียด” คือสิ่งสำคัญที่สุด

ไม่ว่าจะเป็นไมเกรน ปวดหัวจากความเครียด หรือปวดแบบตึงตัว “ความเครียด” คือจุดร่วมสำคัญที่สุดของทุกอาการ เพราะเมื่อร่างกายเครียด ฮอร์โมน Cortisol จะเพิ่มขึ้น ทำให้หลอดเลือดหดตัว กล้ามเนื้อตึง และระบบประสาททำงานผิดจังหวะ

💬 วิธีดูแลตัวเองเบื้องต้น

  • จัดท่านั่งให้ถูกหลัก หมั่นลุกยืดกล้ามเนื้อระหว่างวัน
  • พักสายตาทุก 30 นาทีเมื่อทำงานหน้าจอ
  • ฝึกผ่อนคลายร่างกาย เช่น ยืดเหยียด หรือทำสมาธิ

ฟื้นฟูอาการปวดหัว

ฟื้นฟูอาการปวดหัว ด้วยการดูแลลึกถึง “ต้นเหตุของกล้ามเนื้อ”

หากคุณมีอาการปวดหัวเรื้อรัง ปวดตึงคอ บ่า ไหล่ จนรบกวนชีวิตประจำวัน การดูแลเฉพาะจุดด้วยเทคโนโลยีกายภาพบำบัดจาก The Touch Wellness สามารถช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัวและลดการอักเสบได้จริง เช่น

1. Shockwave Therapy

Shockwave Therapy

ใช้คลื่นกระแทกพลังงานสูงช่วยสลายพังผืด ลดอาการปวดลึกจากกล้ามเนื้อที่เกร็งตัว

2. Ultrasound Sonic Massage

Ultrasound Sonic Massage

ใช้คลื่นเสียงความถี่สูงช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือด ลดอาการตึงและบวม

3. Stretching Therapy

Stretching Therapy

เป็นการยืดกล้ามเนื้อเฉพาะจุดอย่างถูกวิธี ปรับสมดุลให้ร่างกายคลายจากภาวะเกร็งเรื้อรัง รักษาโดยนักกายภาพบำบัด